20 เมษายน 2549

วันที่ 20 - วันนี้ Free time

Today's Programme

Morning To visit the Presidential Palace
AfternoonFree Time
Evening
HotelArmed Forces Hero House, Taipei

วันนี้ตื่นแต่เช้า เพราะเค้าจะพาไป Presidential Palace ซึ่งเป็นที่ทำการของประธานาธิปดี แล้วที่นี่อยู่ห่างจากที่ๆเราพักไปไม่กี่บล็อก เดินไปประมาณ 5 นาทีก็ถึง ปกติที่นี่ไม่ได้เปิดให้เข้าบ่อย ถ้าจะเข้าที่นี่ต้องเอาพาสปอร์ตมาด้วย และห้ามเอากล้อง มือถือ กระเป๋า ฯลฯ เข้า ทุกคนที่จะเข้าต้องไปพร้อมไกด์ด้วย เราเดินไปตัวเปล่าๆ เลยอดถ่ายรูปเรย

ที่นี่เค้ามีไกด์ที่ภาษาอังกฤษดีมากๆๆๆๆๆๆๆ พาเราเยี่ยมชม เค้าอธิบายประวัติศาสตร์ได้ดีอ่ะ แต่จำเนื้อหาไม่ได้แร้ว เหอๆ ที่เข้าไปดูก็มีสมบัติต่างๆ ของชาติที่ประธานาธิปดีได้มา มีรูป มีประวัติของสถานที่ ที่ๆนี่เค้าสร้างโดยญี่ปุ่น สมัยที่เมื่อก่อนญี่ปุ่นปกครองเกาะ ถ้ามองดูจากด้านบน(ฟ้า) จะเห็นตึกเป็นตัว Ri4 ภาษาจีนอ่ะ (ที่หน้าตาเหมือนเลข 8 ที่เหลี่ยมๆอ่ะ) ที่หมายถึงญี่ปุ่น และตึกมีไว้สำหรับเป็นออฟฟิตของรัฐบาลญี่ปุ่น แต่มันโดนระเบิดเละไปเค้าเลยเข้ามาบูรณะใหม่แล้วเอามาทำเป็นออฟฟิตของประธานาธิปดีเนี่ย คนที่ทำงานอยู่ที่นี่มีหลายร้อยคน จำตัวเลขไม่ได้แล้ว แล้วที่นี่มีนิทรรศการสับเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นเทศกาลๆไป เวลาที่เดินชม ก็ต้องเดินเป็นทาง one-way ดูห้องต่างๆ ไปจนถึงทางออก ไปไหนไม่ได้ มีทหารเฝ้า ตรงใกล้ๆทางออกจะมีร้านขายของที่ระลึก และไปรษณีย์อยู่ข้างใน ตอนนั้นต้องรีบออกอ่ะ ไม่ง้านจะส่งไปรษณียบัตรออกมาจาก Presidental Office คงเท่ห์พิลึก อิอิ อยู่ที่นี่ประตูห้องทุกบาน ลูกบิดจะอยู่ต่ำกว่าระดับทีควรจะเป็นอ่ะ ไกด์ถามเราว่ารู้ไหมว่าทำไม มีคนพิเรนไปตอบว่าเพราะคนญี่ปุ่นตัวเตี้ย เหอๆ ความจริงแล้วที่เค้าทำลูกบิดให้ต่ำเพื่อที่ได้ว่าคนที่เปิดประตูจะได้ก้มหัว แสดงความเคารพก่อนที่จะเข้าห้อง เพราะเป็นธรรมเนียมญี่ปุ่นที่ต้องโค้งคำนับ

จบจากที่ Presidental Palace แล้วเค้าปล่อยเราตามสบาย ไปหามื้อกลางวันกินเอง
พวกเรานัดกันไว้แร้วว่าเราจะไปกินอาหารหรูหรากันสักมื้อ และจากที่ได้อ่านในเนตมาก่อนไป สถานที่ๆเราจะไปน่านก็คือ Din Tai Fung ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วโลก และเป็นอาหารที่เค้าแนะนำๆๆๆ กับเหลือเกิน แม๊แต่ในโบชัวร์ท่องเที่ยวไทเปที่หยิบมาก็ยังแนะนำ ถึงเค้าจะว่ากันว่าแพงเราก็เตรียมใจไปจ่าย เราได้ถามหาทางไปเตรียมไว้ก่อนแร้ว ฝูเต่าหยวนที่บอกทางไปก็บอกว่าแพง(แต่เค้าไม่เคยไปกิน) เราไปกันสี่คนเดินไปขึ้นMRT และซื้อตั๋ว One-Day Pass เพื่อที่จะได้แรดได้ทั้งวัน นั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานี Zhongxiao Dunhua ถามหาทางตั้งนานกว่าจะเดินไปถึง เหอๆ เมื่อไปถึงเราก็เห็นป้ายแดงๆ รอต้อนรับเราอยู่

โชคดีมากๆที่ไปถึงกันตอนเที่ยงเป๊ะๆ ไม่ต้องรอนาน ตอนเรากินเสร็จออกมาเห็นคนรอแบบมหาศาล เมื่อเราได้โต๊ะเข้าไปแล้วเปิดเมนูดู มันแพงก็จริงแต่เข่งนึงมันมีเยอะนะ คือคุ้มอ่ะ ถ้าไปหลายคน เราเลยสั่ง ขนมจีบกุ้ง เสี่ยวหลงเปา ซุปเสฉวน ข้าวผัดไข่ ซาละเปาหมู ซาละเปาหมูสับ แล้วก็ผักเคียงอีกอย่าง กินกันแบบว่าอิ่มปลิ้นอ่ะ แล้วเช็คบิล ปรากฏว่าคนละ 22x NTD คือแบบว่าไปกินMK แล้วหารกันบางทียังแพงก่านี้เรยอ่ะ ไหนใครบอกว่าแพงฟระ เราหม่ำกันเสร็จก็ไปเข้าห้องน้ำ โหวววว ที่นี่ห้องน้ำเค้าดีมั่กๆ ทุกครั้งที่มีคนเข้าแล้วออกมา จะมีแม่บ้านคอยเช็ดโถให้เรา แถมโถเค้ามีทีฉีดก้นอัตโนมัติด้วย ที่เป่ามือก็เป็นแบบเย็น ส่วนครีมล้างมือก็เป็นโฟม โอ้วเป็นห้องน้ำที่ดีที่สุดตั้งแต่อยู่ไต้หวันมา

ออกจาก Din Tai Fung เราแยกกะเพื่อนๆทั้ง 3 คน เดินเดี่ยวไปที่ร้านหนังสือ Eslite ที่เปิด 24 ชั่วโมง ที่อยู่ใกล้ๆ (ก็ไม่ใกล้เท่าไหร่ เดินไกลเหมือนกาน) อยู่ร้านหนังสือนานๆ ดูนู่นดูนี่เสียเวลาไป 2 ชั่วโมงกว่าๆได้ แต่ไม่ได้ซื้ออะไร เพราะอ่านไม่ออก ไอ้ที่อ่านออกก็ไม่ซื้อ 5555

ออกจากร้านหนังสือเรานั่งรถไฟฟ้าไปสถานี S.Y.S Memorial Hall ที่ห่างไปแค่สถานีรถไฟเดียวเพื่อนไปดู Sun Yat-Sen Memorial Hall อันนี้ใกล้อ่ะ แค่ออกจากสถานีรถไฟไปก็เจอเรย ที่นี่เหมือนเจียงไคเช็กเรยอ่ะ เข้าไปข้างในมีพิพิทธภัณฑ์อะไรๆที่เกี่ยวกะ ดร.ซุนยัดเซ็น แรวก็มีรูปปั้นใหญ่ๆ ของท่านกะทหารเฝ้าที่ยืนนิ่ง ออกมาจากตรงน้านเราเห็นตึก Taipei 101 ชัดมากๆ เลยถ่ายรูปไว้หน่อย แต่กล้องมานห่วยเรยถ่ายได้แค่น้านอ่ะ จากตรงน้านเราเดินทนเดินไปเรื่อยๆเพื่อจะไปถ่ายรูปแถว Warner Village Cinema Center ที่เป็นตึกสีแดงๆอ่ะ จำได้ว่าในหนังไต้หวันตั้งหลายเรื่องเค้ามาถ่ายตรงนี้ มันแดงสวยดีเลยเดินๆมาถ่ายสักหน่อยพอขำๆ

จากน้านเรานั่งรถไฟใต้ดินเพื่อไปยังสถานี Longshan Temple เพราะเห็นว่าขนาดว่าเค้าเอาชื่อวัดมาทำเป็นสถานีคงมีอะไรดังๆ เลยไปซะหน่อย และอีกอย่างที่สถานีนี้มีตลาดกลางคืน Hua Hsi แล้วก็ถนน Guang Zhoo ที่อยู่ใกล้ๆด้วย อ่านเจอในเนตมาอีกน่านแหละว่าตลาดตรงนี้มีซีดีขายถูก เลยจะมาหาซื้อซะหน่อย มาถึงที่วัดนี่ยังไม่มืด เข้าไปถึงเห็นน้ำตก โอ้วมานสวยมั่กๆ แต่คนเยอะอ่ะ ทัวร์ลงด้วย แต่พอจะเข้าไปกราบไหว้บ้างตกใจเลยอ่ะ ที่นี่แบบว่าคนเยอะมากๆๆๆๆกำลังสวดมนต์เสียงดังลั่นอยู่ เผอิญไม่รู้จะถามใครก็เลยไม่รู้ว่าเค้าสวดเสียงดังกันทำไม ข้างในมีพระมากมาย และมีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ อ่านดูจากป้ายก็รู้ว่าสมัยก่อน น่าจะเป็นช่วงสงครามโลก ไต้หวันโดนระเบิดเละ ทั้งโบสถ์ไหม้แต่องค์เจ้าแม่กวนอิมไม่มีอะไรบุบสลายเลย คนเลยยิ่งฮือฮา นับถือ

พอออกจากวัดแล้วจะไปเดินตลาดกลางคืน แต่ของยังไม่ตั้งอ่ะ เลยไปเดินดูร้านที่เปิดอยู่ แถวน้านมีถนนที่เค้าทำหลังคาเอาไว้ มีร้านที่เปิดอยู่เต็มเลย ไปเดินดูปรากฏว่าแถวน้านมีแต่ร้านอาหาร หรือไม่ก็ยาดองสารพัดสัตว์ เห็นแร้วหยะแยงหง่ะ แต่ก็หิว เริ่มเจ็บคอแล้วอ่ะ แต่หิวมากก่า เลยตั้งใจไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อที่จะได้ไปที่สถานี Xinpu ซึ่งแถวน้านมีร้าอาหารที่ตกแต่งด้วยโถส้วม แม้แต่ถ้วยก็ทำเปนรูปโถส้วม อยากไปถ่ายรูปแค่น่านแหละ เรื่องกินน่ะผลพลอยได้ แต่แบบไปเดินหาอยู่นานมาก แต่ละคนบอกไม่เหมือนกาน ไปถามนักเรียนคนนึงเค้าพาไป แต่ปรากฏว่ามันกลายเป็นร้านขายขนม เด็กนักเรียนคนน้านก็พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยรู้เรื่อง (ป่านนี้ยังไม่รู้เรยว่าเค้าเข้าใจเราหรือเปล่า) เค้าบอกว่าร้านน่ะย้ายไปแล้ว เราก็เลยบอกขอบใจ แล้วเดินหาเอง เพราะคิดว่าเด็กคนน้านมานไม่เข้าใจเรา ปรากฏว่ามารู้ทีหลังว่าร้านส้วมอ่ะ เค้าย้ายไปเปิดตรงตลาด Shilin แล้วอ่ะ มีคนเห็น แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

จากตรงน้านเรานั่งรถไฟฟ้ายาวไปที่สถานี Jiantan (สถานีที่ไปตลาดซื่อหลินน่ะ) อีกครั้งเพื่อที่จะไปขึ้น Shuttle bus ของ Miramar Mall ไปดูชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก (รองจาก London Eye ที่อังกฤษ) ลงจากสถานี Jiantan ลงด้านที่หันหน้าไปซื่อหลิน จะมีป้ายรถเมล์สีชมพูอยู่ด้านขวา เราแค่ไปต่อคิวยืนรอ จะมีรถของ Miramar (ไม่มีเบอร์ มีแต่ชื่อห้างติดอยู่ที่ตัวรถ) พาเราไปที่ห้างฟรีๆ ตัวห้างนี้อยู่ห่างจากสถานีรถไฟไปไกลเหมือนกาน ระหว่างทางผ่าน Martyrs' Shrine ที่เรามาเมื่อวานด้วยอ่ะ แต่มันมืดแล้วก็เห็นมีคนยืนนิ่งๆเฝ้าอยู่คนเดียว นั่งรถได้ไม่น่าเกิน 20 นาที เราก็มาถึง Miramar Mall เดินทะลุไปขึ้นลิฟขึ้นไปชั้น 5 ถึง Miramar Entertainment Park ที่นี่ไม่มีอะไรอ่ะ แค่มีชิงช้าสวรรค์กะโรงหนัง3มิติ IMAX ที่บ้านเราก็มี แต่มาที่นี่ก็มาขี่ชิงช้านี่คะ เลยไปซื้อตั๋วขึ้น คนละ 150 บาท ที่เค๊าเตอร์แล้วขึ้นไปต่อคิว

ขึ้นไปคนเดียว โอ้ว มานเสียวมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มันสูงง่ะ แค่ฐานมันก็อยู่ชั้น 5 แล้วง่ะ แล้วพอขึ้นไปถึงยอด แล้วแบบมองไม่เหนอะไรข้างล่างอ่ะ นึกว่ามันเสียแล้วจอดค้าง โง่มั่กๆ แต่แบบมองออกไปมานสวยๆๆๆๆๆๆๆๆ งามๆๆๆๆๆ ใช้เวลาประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงเราก็หมุนกลับมาที่เดิม ยุติความเสียวไว้ ณ ตรงน้าน แล้วก็เดินลงมารอ Shuttle bus กลับไปที่สถานีรถไฟฟ้าเหมือนเดิม

พอกลับมาจากสถานีรถไฟฟ้าแล้วเราก้อ นั่งรถไฟฟ้าย้อนกลับไปที่สถานี Longshan Temple อีกรอบ ตอนนี้แสบคอมาก กลืนน้ำลายก็แสบ ขาก้อปวดแบบนรกแตก แต่อยากได้ซีดีจัด เลยไปถนนGuang Zhoo อีกครั้ง ไปเดินหาซีดี เหอๆ มีซีดีถูกจริงๆ แต่เป็นซีดีหนังโป๊ทั้งน้านเรย เศร้าเรยตรู แต่ตอนน้านอารมณ์อยากได้เพลงจัด เลยนั่งรถไฟใต้ดินกลับไปที่สถานี Ximen เพื่อที่จะกลับไปนอน แต่ก่อนกลับที่พักเดินเข้า XiMenDing ตอนน้านเลย 5 ทุ่มแล้วก็ไม่สน bed check อ่ะ อยากซื้อจัด เลยไปร้านซีดีก่อน ซื้อซีดีมา 2 ชุดแล้วก็ dvd หนังอีกเรื่อง อิอิ แพงกรุก็ยอมวะ (แต่มานก็ถูกกว่ามาซื้อเมืองไทยอ่ะ) วันสุดท้ายแร้ว

จบจากที่นี่แล้วหมดแรงจริงจัง แทบจะคลานกลับไปนอน ใจนึงก็อยากขึ้นแท็กซี่ แต่งกอ่ะ เดินๆก็ได้ ไม่ได้ไกลเรย กลับที่พักแทนที่จะได้นอนเลย ฝูเต่าหยวน เค้าเอา Questionnaire มาให้ทำ มาให้คอมเม๊นท์พวกสถานที่/กิจกรรม/ร้านอาหาร ที่ผ่านมาทั้ง 18 วัน บร้าชะมัด ใครจะไปจำได้หมดอ่ะ จำได้แค่ที่แบบเด็ดๆ ไม่กี่อย่าง เช่นโรงแรมที่หรูสุด โรงแรมผีน่ากัวสุด ร้านอาหารที่ยอดแย่ที่สุด(อยู่ที่ไทเป) แล้วเค้าก็แจก Year Book กะ CD-Rom ที่มีภาพวิวต่างๆของไต้หวัน รวมทั้งหนังสือพิมพ์จีน(เหมือนหนังสือของ OCAC ทำเผยแพร่เองน่านแหละ ไม่ใช่หนังสือพิมพ์ปกติที่ขายกันตามตลาด) ที่มีรูปพวกเราลง คนละชุด แล้วก็มีซีดีรูปที่ฝูเต่าหยวนเค้าเก็บ Memory Stick ของพวกเราไปก๊อปรูปเก็บไว้ให้ วันนี้เค้าไร๊ท์มาคืน (แมร่งมั่วมาก รูปหายกันบาน ต้องโทรกลับไต้หวันไปทวงรูป คิดดู ตอนนี้นั่งพิมพ์อยู่เน่ย ยังรอรูปกลับมาอยู่เรย) แล้วจากนั้นเราก็กล่าวคำล่ำลาฝูเต่าหยวนที่เหลือของตุ้ยเรา ก็คือ ฉ่วนฉวน แล้วก็ เมี่ยนเปา ร้องเต้นเพลงเผิงเหยี่ยว(ที่แปลว่าเพื่อน) กันอีกรอบนึง แล้วจึงได้กลับเข้าห้องไปเก็บของ ตอนน้านแบบว่าไม่อยากจะเก็บของแร้วอ่ะ เหนื่อยสุดๆ แต่ก็ต้องเก็บ สุดท้ายก็ต้องยัดของลงกระเป๋าให้หมด กว่าจะจัดกระเป๋าเสร็จก็ประมาณตี3 โอ้ว มานหนักมาก จัดเสร็จอุตส่าห์จะลากไปชั่งว่ากี่กิโล กรรมมากๆ ตาชั่งอันเดียวที่มี(ใช้ร่วมกัน 142 คน) มานพังไปแล้ว เพราะใช้กันเยอะเกิน เหอๆ พี่อาร์มมาเช็คกระเป๋า ลองยกดูให้ ปรากฏว่าเฮียแกกะว่าได้ประมาณ 30 กิโลกรัม แต่แบบตอนน้านขี้เกียจรื้อ ไม่สนใจระนอนดีก่า