05 เมษายน 2549

วันที่ 5 - ดูรถไฟหัวกระสุนของไต้หวัน(ก่อนใคร)

Today's Programme

MorningTHSR Exhibition
Afternoon- National Museum of Natural Science
- Study of Global Chinese Language and Culture Center
EveningTaichung Shopping Areas
HotelCrown Hotel, TaiChung


วันนี้ดีใจมั่กๆ ออกจากนรก(เถาหยวน)แต่เช้าขึ้นรถบัสเดินทางโดยใช้ไท่หวานเถียวลู่("เถียวลู่" แปลว่าทางด่วน)เพื่อที่จะไปดูTaiwan High Speed Railway Project (THSR) ซึ่งมีชื่อเป็นภาษาจีนว่า "เกาสู้ เถียวลู่" ซึ่งเป็นโครงการรถไฟด่วนจากไทเป(เมืองเหนือเกือบสุด) ไป เกาสง(เมืองทางใต้เกือบสุด) ซึ่งตอนนี้ยังไม่เปิดให้บริการ (เค้าจะเปิดให้บริการวันที่ 31 ตุลาคม 2006 -- เปิดหลังวันเกิดหนูอุ๊ครบ 24ขวบเพียงแค่วันเดียวอ่ะค่ะ เค้าฉลองให้หนู 555) เราจะได้ไปชมส่วนที่เค้าจัดเป็นนิทรรศการ โดยรถไฟเนี่ยคนไต้หวันเค้าตื่นเต้นกันมากๆ เพราะเค้าจะได้เดินทางกันเร็วๆ เนื่องจากไทเปเป็นเมืองที่มีคนอาศัยอยู่เยอะมากๆ ส่วนเกาสงก็เป็นเมืองที่มีโรงงานเยอะมากๆ ไม่มีสถานที่พักผ่อน เวลาเค้าอยากเที่ยวอยากทำไรกันเค้าก็จะขึ้นไปเทเป ส่วนคนที่ทำธุรกิจก็ต้องลงมาที่เกาสงเพื่อมาดูแลธุรกิจ ซึ่งถ้ารถไฟด่วนนี้เสร็จจะย่นเวลาเดินทาง จากรถไฟปกติ 4-5 ชั่วโมง (800 ดอลล่าร์ไต้หวัน) เหลือแค่ 90 นาที ไปถึงสถานที่ที่เค้าจัดนิทรรศการ แดดแรงมากๆๆๆๆๆ แต่ตึกเค้าสวยอ่ะ มองไปไกลๆเห็นตัวสถานี ดูออกแบบได้หรูหรามั่กๆ

ก่อนเข้าไปดูด้านในที่เค้าจัดนิทรรศการ จะมีพนักงานเอาสติ๊กเกอร์มาติดที่เสื้อเรา(ประมาณว่าเป็นตั๋วให้รู้ว่าคนนี้จ่ายตังแร้ว) ดูมันสวยๆดี ตัวรถที่เค้าจำลองให้ดูนี่แบบเหมือนเครื่องบินมั่กๆ เห็นเค้าบอกว่าจะมีเทรนโอสเตส ซึ่งให้บริการทุกอย่างเหมือนแอร์โฮสเตสด้วยอ่ะ แถมเค้าบอกว่า Expert มาช่วยตอนออกแบบก่อสร้างทางรถไฟด้วย เพราะว่าที่ไต้หวันมีแผ่นดินไหวบ่อยมั่กๆ เค้าเลยต้องแก้โดยการฝังหมุดคอนกรีตที่มีทรงกลมเหมือนลูกกลิ้งเอาไว้ที่ทั้ง 4 มุมของแผ่นคอนกรีตแผ่นล่างสุดของทางรถไฟ

ข้อมูลจำเพาะของ เกาสู้เถียวลู่
รหัส/ชื่อย่อ : 700T (T มาจาก Taiwan)
สีขบวนรถ : สีขาวครีมพาดลายสี ดำ-ส้ม (เป็นสีที่พิเศษในไต้หวัน)
แหล่งผลิตรถ : ญี่ปุ่น (ขนส่งมาทางเรือ)
ความเร็วที่ใช้ในการเดินทาง : 180 - 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง
จำนวนที่นั่งใน 1 ขบวน : 189 ที่นั่ง
จำนวนตู้รถไฟทั้งหมด : 88 ตู้
จำนวนสถานีจอด : 12 สถานี
สีเบาะที่นั่งชั้น First Class : สีม่วง
สีเบาะที่นั่งชั้นปกติ : สีเขียว
ค่าโดยสาร : ชั้น First Class N/A; ชั้นปกติ 1,200 NTD
ระยะเวลาในการก่อสร้าง : 4 ปี

จบจากนิทรรศการรถไฟแล้วก็ผ่านฮวงซุ้ยใหญ่ๆที่นึง คนบานเลยเพราะเป็นวันสุดท้ายของเทศการเชงเม้ง (ภาษาจีนกลางคือ "ชิงหมิง")

ก่อนเที่ยงเราผ่านเมือง "เหมียวลี่" ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเมี่ยนเปา ที่เป็นฝูเต่าหยวนของเรา เค้าบอกว่าที่เหมียวลี่นี่มีสตอเบอรี่อร่อย (แต่ตอนที่เราไปถึงมันหมดหน้าไปแล้ว)

เค้าพาเราไปแวะพักที่ "ซานอี้" ซึ่งเป็นเหมือนโอเอสิสของทางด่วน ระหว่างที่พักเราก็แวะเดินดู "มู่เซียว"(ไม้แกะสลัก) เค้าแกะกันสวยดี แต่ไม่มีใครซื้ออะไร (ก็บ้านเราก็มีนี่หว่า) ที่นี่มีร้านขายของที่ระลึกใหญ่ด้วย มีเกือบทุกอย่าง มีตุ๊กตาหุ่นกระบอกแบบในหนังที่เค้าฉายเมื่อคืนด้วย แต่ไม่ได้ดูราคามา ที่อยากได้คือที่ห้อยมือถือพลาสติกเป็นแซ่ภาษาจีน แต่เซ็งแซ่ตรูมานโหล มานเลยหมด แงๆ

เรานั่งรถต่ออีกหน่อยก็มาถึงเมืองไถจง ยังไม่ทันเข้าโรงแรมเค้าก็พาเราไปพิพิทธภัณฑ์วิทยาศาตร์ธรรมชาติ โอ้วมานใหญ่มาก มีข้าวของมากมาย มีประหมึกตัวควายๆแช่น้ำยาเอาไว้ มีกระดูกแมมมอธจำลอง มีหุ่นยนต์ไดโนเสาร์ขยับได้ มีทรัพย์สมบัติ สิ่งก่อสร้างแบบจีนๆ จำลองเอาไว้

โอ้วของมันมากมายดูไม่หวาดไม่ไหว แต่เค้าให้เวลาเราน้อยมากๆ ยิ่งแบบตอนแรกต้องเดินตามวิทยากร โคตรเสียเวลาเรย ถ้าใครจะมาที่นี่นะต้อวงรีบๆเดินของมันเยอะจริงๆ (ที่นี่ห้องน้ำดีด้วย เหมาะสำหรับจะทำธุระหนัก อิอิ)

จบจากพิพิทธภัณฑ์ เค้าพาเราไปตึกสูง(แต่แคบๆ ดูอึดอัดๆ)ไปที่โรงเรียนไรสักอย่างให้เราเล่นเนต โดยให้เราเข้าไปดูเว็บของ OCAC ที่เป็นส่วนเกี่ยวการศึกษา และวัฒนธรรม แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจเว็บนี้ มานเล่นเนตกันเป็นส่วนใหญ่ ฝูเต่าหยวนเลยแกล้ง ตัดเนตทิ้งซะง้าน

เล่นเนตกานเสร็จ(อย่างรวดเร็ว)แล้ว เค้าพาเราไปปล่อยที่ อี้จงเจียน (เจียนแปลว่า ถนน/ตรอก) ซึ่งเป็นถนนที่มีชื่อเสียงเรื่องชอปปิ้ง โดยเฉพาะหาของกิน มีแต่ของกินเต็มถนน เค้าให้เงินเราคนละ 100 NTD ก่อนลงรถ ให้ไปหาไรหม่ำเอาเอง

คุ้มดีเพราะที่นี่ของกินถูก ให้มา 100 นี่กินข้าว + ชานมไข่มุก + ขนม แล้วก็ยังเหลือตังอีก อิอิ ระหว่างที่กินข้าวเห็นข่าวทักษิณ กะในหลวง แต่ฟังไม่ออก เห็นแต่ทักษิณตาแดงๆ แบบว่าจะร้องไห้ เหอๆ ดูน่าสงสารพิก๊ลล

ถึงเวลานัดเรากลับมาที่รถเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปโรงแรมกัน โรงแรมที่เราจะพักชื่อโรงแรมเหมยชุน (แต่ชื่อภาษาอังกฤษคือ Crown hotel) ซึ่งจะมีวัดอยู่ด้านในโรงแรม(อยู่ระหว่างตึกหน้ากะตึกหลัง)วัดนี้โดดเด่นนะคะ เพราะสมัยก่อนที่จะเป็นประเทศไต้หวัน ญี่ปุ่นบุกรุกรานเกาะนี้ แล้วก็ลงมือทำลายสถานที่สำคัญในเมือง แล้ววัดนี้เป็นวัดเดียวที่เหลือรอดไม่โดนพวกญี่ปุ่นระเบิดทำลาย วัดทั้งเมืองไม่เหลือแล้ว แต่วัดนี้พระเก่งมากหนีรอดกันได้ทันหมด ไม่เป็นไรเรย

ที่นี่เราอยู่กะรูมเมทชุดเดิม คือ พี่ยุ้ย,มิน,แล้วก็นัท โรงแรมมี 3 เตียง แน่นอนตัวเราไซน์นี้ได้นอนเดี่ยวค่ะ 555 พี่อาร์มตุ้ยจ่างบอกว่าปีที่พี่อาร์มมาที่โรงแรมนี่คือนรก แต่สำหรับเรา ที่โรงแรมนี้คือสวรรค์ เพราะเราเพิ่งออกจากนรกที่เถาหยวน ที่นี่เก่าไปหน่อยแต่ดีนะเราว่า จะแย่ก็นิดเดวก็คือ เวลาขึ้นตึกหลังที่เราพักอ่ะมานเป็นขั้นบรรไดอ่ะ เวลาลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆ(และน้ำหนักเกิน)ขึ้นตึกอ่ะ ลำบากโคตร มานน่าจะมีทางลาดให้เราลากกระเป๋าอ่ะ แถมลิฟท์ก็มีตัวเดียว เวลาเอากระเป๋าขึ้นนี่โคตรช้าเรย ส่วนตึกหน้ามีลิฟท์แค่ 2 ตัว แต่คนเป็นร้อยต้องใช้ลิฟท์ขึ้นไปกินข้าวที่ร้านอาหารที่อยู่ถึงชั้น 7 ลำบากอ่ะ