19 เมษายน 2549

วันที่ 19 - ไปตึกที่สูงที่สุดในโลก (ณ ปี 2006)

Today's Programme

Morning Ending Ceremony / Learn the result exhibition
AfternoonTaipei MRT Trip / Taipei 101 / Taipei Astronomical Museum
Evening
HotelArmed Forces Hero House, Taipei

วันนี้ตื่นมาพร้อมกับอาการหายใจติดขัด แล้วก็เจ็บคอเล็กๆ ที่พักที่ไถเป่ยนี่แบบว่าแอบมีฝุ่นเพียบเรยอ่ะเน่ย วันนี้ตอนเช้ามีพิธีปิดที่ชั้นล่างของที่ๆเราพักน่านแหละ วันนี้จะมีผู้ใหญ่มาจากทาง OCAC ที่เป็นสปอนเซอร์เรา สถานที่จัดงานเป็นเวทีใหญ่ๆ เราเข้าไปจะเห็นผลงานที่เราหัดทำ จัดเรียงไว้บนโต๊ะ (มีพัดกระดาษของหนูด้วย อิอิ) เอาไว้ให้ผู้ใหญ่ดู เราไปนั่งได้สักพักผู้ใหญ่ก็มาพูดสั้นๆ (กว่าที่เคยพูด) แล้วก็โชว์หนังสือพิมพ์ที่มีรูปพวกเรา(หัวเท่ามด)อยู่ด้วย หลังจากที่เค้าพูดจบ เราก็มีการแสดงตุ้ยละ 2 ชุด + ของพวกตุ้ยจ่างอีก 1 ชุด จบการแสดงผู้ใหญ่ก็กลับไป


จบงานแล้วเราขึ้นไปเปลี่ยนชุด(เอาเสื้อสีชมพูที่เป็นยูนิฟอร์มออกก่อน)แล้วค่อยเดินกันทั้งถวน ("ถวน" หมายถึงพวกเราทั้งหมด รวม 4 ตุ้ย) ฝูเต่าหยวนพาพวกเราไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน (MRT) สถานี XiMen ที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อนั่งรถไฟใต้ดินด้วยตัว One-Day pass สำหรับทั้ง group ไปยังสถานี Taipei City Hall และเดินไปตึก Taipei 101 (จะเรียกให้มีแอ๊คเซ่นก็ต้องเรียกว่า "ไถเป่ย อีหลิงอี") ซึ่งตึกนี่เป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ ปี 2006 ตึกนี้มีความสูง 508 เมตรและมีทั้งหมด 101 ชั้น แล้วก็มีลิฟท์ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกด้วยความเร็ว 1010 เมตร/นาที(แต่ว่าเค้าบอกว่าที่จงใจให้มีแต่เลข 1 กะ 0 เพราะเค้าต้องการให้มันเป็นตัวแทนของเลขฐาน2 ที่ใช้ในวงการคอมพิวเตอร์ หมายถึงเวลาที่คอมโพรเสสข้อมูล/เก็บค่าต่างๆ) ตัวตึกเน่ยอยู่ห่างจากสถานีไปไกลเชียวแหละ แดดก็ร้อน เหอๆ อุตส่าแบกเสื้อกันหนาวไป อากาศดันร้อน เดินร้อนๆ ไปจนถึงตึก เค้าให้เงินเราคนละ 100 NTD อีกแร้ว เราเลยเดินเข้าไปกินกานที่ food court ของตึก Taipei101 ซึ่งของก็นะ ราคาเอ็มโพเรียม หรือพาราก้อนบ้านเราชัดๆ 100เดียวไม่พอค่ะ ต้องเติมเงินเพิ่มเข้าไปเองนะคะ กินข้าวเสร็จ คนอื่นจะไปชอปปิ้ง ตรูไม่ชอป ตรูจะขึ้นข้างบน ก็เลยเดินไปขึ้นยอดตึกคนเดียวเรย

จะขึ้นยอดตึกนี้ต้องขึ้นลิฟท์ไปชั้น 5 ก่อน เพื่อที่จะไปซื้อตั๋วขึ้นไปชั้นบน ตั๋วเค้าขายคนละ 350 NTD ก็สมเหตุสมผลหละนะ ซื้อตั๋วแล้วเราก็เดินไปต่อคิวขึ้นลิฟท์ไปชั้น 89 ที่เป็นชั้นชมวิว เวลาเข้าไปในลิฟท์ เค้าจะมีป้ายจอสีที่มีรูปโครงสร้างตึกแล้วก็ลิฟท์ โชว์ให้เราเห็นเลยว่าตอนนี้เราอยู่ที่ความสูงส่วนไหนของตึก ส่วนเพดานลิฟท์เค้าก็ปิดไฟมืด ทำเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนจำลองดวงดาวต่างๆให้เราเห็น เดินทางนี้ใช้เวลาประมาณ 38 วินาทีก็จะถึงยอดแล้ว (อันนี้คือตามที่เค้าโฆษณาไว้ แต่เห็นว่ามันนับตั้งแต่ลิฟปิด รวมๆแล้วกว่ามันจะนิ่งจริงๆลิฟเปิดอีกรอบก็ 42 วินาทีอ่ะ) ก็เป็นลิฟท์ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกนี่นา มาถึงแล้วพนักงานต้อนรับเราอย่างดี และถ้าต้องการ Audio Guide ก็ต้องเอาพาสปอร์ต ไม่ก็กุญแจห้องโรงแรม หรือเงิน 1,000 NTD มัดจำเอาไว้ แล้วก็เอาเครื่องที่หน้าตาเหมือนโทรศัพท์ไปกดฟังได้เลย

บนชั้น 89 นี้ เป็นชั้นที่มีลูกตุ้มอันใหญ่บักเอ้ก เอาไว้ถ่วงตึก เพราะไต้หวันมีแผ่นดินไว้บ่อย เค้าเลยมีลูกตุ้มถ่วงเอาไว้ตรงกลาง เพราะจะช่วยให้โครงสร้างตึกไม่พัง (กล้องมันห่วยอ่ะ ถ่ายเองไม่ติด ขอเอารูปที่ถ่ายจากทีวีไว้มาให้ดูระกานนะ)

เดินดูรอบๆ แอบเห็นที่เค้ามีบริการตัดต่อ-ถ่ายรูปคู่กะตึก 101 ที่มาพร้อมเซ็ทคู่กะประกาศนียบัตรบอกว่ามาถึงตึกนี้แล้ว ก็เลยใช้บริการซะหน่อยด้วยราคา 350 NTD รอเพียง 15 นาที ก็จะได้ของมาชื่นชม

จากนั้นเดินไปเห็นมุมไปรษณีย์อันเก๋ไก๋ แค่ซื้อโปสการ์ดกับแสตมป์จากตู้ข้างๆ แล้วเขียนชื่อ ที่อยู่คนรับ เราก็เอาโปสการ์ดไปปั๊มแสตมป์ที่เค้ามีให้ 3 อัน เค้ามีให้เลือก Family, Friends, Lover ให้เราปั้มตามใจฉัน ขึ้นอยู่กับว่าคนรับเป็นอะไรกับเรา แต่เราส่งหาตัวเองเลยปั๊มมันทุกอัน เป็นที่ระลึกน่า


วนไปวนมาอีก ก็เจอทางเดินขึ้นไปชั้น 91 แต่ต้องเสียอีก 100NTD แต่เราก็ยอมจ่ายอ่ะ จะได้ออกไปรับลมกันนิดนึง(ตอนนั้นคิดว่าจะได้ออกเดินแบว่าอากาศโล่งๆ) เดินขึ้นไป โอ้ว จอร์จเค้ามีรั้วเหมือนซี่กรง บังไม่ให้เราเห็นอะไรชัดๆอ่ะ แต่ก็เอาวะขึ้นมาแล้วก็ชื่นชมพอขำๆละกาน บนชั้น 91 นี่ มียามอยู่โดยรอบ เพราะด้านบน ชั้น 92 ขึ้นไปเนี่ยเป็นสถานีควบคุมการสื่อสารอะไรสักอย่าง เค้าไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไปเด็ดขาด เราเลยเดินลงกลับมาขึ้นลิฟท์ที่ชั้น 89 โห แบบว่ามองผ่านช่องว่างระหว่างบันไดแล้วอึ้งเลยอ่ะ บันไดมันวนๆๆๆๆๆๆ ดูแล้วลึกละลานตา ไม่รู้จบเรย เหอๆ

ออกจากตึกไถเป่ยแล้วเค้าพาเรานั่งรถไฟฟ้าไปยัง Chiang Kai-Shek Memorial Hall ซึ่งตอนขาเข้าไปมีตึกหลังคาทรงจีน อยู่ด้านหน้า และเห็นตึกขาวหลังคาฟ้า อยู่ไกลลิบๆ แต่ก่อนไปอ่านเนตมาว่าข้างในเป็นรูปปั้นที่ใหญ่มั่กๆ เลยเดินไปดูกัน ปรากฏว่าเดินไปถึงเงยหน้าขึ้นไป เห็นบันไดสูงเชียว แต่ก็เอาวะ เดินๆไปก่อน ขึ้นไปถึงด้านในเป็นรูปจำลองของเจียงไคเช็ก แบบว่ามีทหารประเภทที่ยืนเฝ้าตัวแข็งเป็นคนเฝ้าด้วย ดูสักครู่ก็เลยเดินลงบันไดด้านข้าง โหๆๆๆ ตรูน่าจะลงด้วยลิฟท์มั่กๆ บันไดมันแบบว่าวนแล้ววนอีก วนแล้ววนอีก ดูเหมือนจะไม่มีทางออกพิกล แล้วเดินคนเดียวอีกต่างหาก เหอๆๆๆๆ เดินวนบันไดมาซะไกลก็มาถึงด้านล่าง เค้ามีนิทรรศการภาพถ่ายกันอยู่ ใกล้ๆกันก็เป็นสถานที่ๆแสดงสมบัติของเจียงไคเช็ก และร้านขายของที่ระลึก เราต้องดูทุกอย่างอย่างรีบๆเพราะจะถึงเวลานัดแล้ว (แค่กว่าจะเดินมาถึงตึกขาว-ฟ้า นี่ก็จะหมดเวลาแล้ว มานไกลกันเหลือเกิน)

หลังจากมาเจอกันตามเวลานัด เราถ่ายรูปหมู่กันรอบนึงก่อนที่เค้าจะพาเราไปขึ้นรถไฟฟ้าอีกรอบไปยังสถานี Jiantan เพื่อที่จะไปที่ตลาดซื่อหลิน (มันมีสถานีซื่อหลินอยู่ถัดไป แต่เราต้องลงที่สถานีJiantan เพราะใกล้ตลาดมากก่า) พอเค้าปล่อย พวกเราเดินตรงดิ่งไปหาของกิน เลือกไปเลือกมาเราก็ไปหม่ำหม้อไฟ เป็นร้านยอดฮิตร้านนึงของที่นี่ โหอร่อยมั่กๆ มีน้ำพริกเผาทำจากพริกที่ทำให้ลิ้นชาด้วยอ่ะ อร่อยดี หม่ำเสร็จเราก็เดินมองหาร้านทำตราปั้มชื่อจีนของเรา (ใฝ่ฝันมานานแร้ว เห็นฮ่องเต้เค้ามี อยากมีบ้าง 555) หาได้ร้านนึง ต่อราคาสุดๆแล้วได้ 3 อัน 700 NTD ก็เลยหารกัน 3 คน ทำมาเท่ห์ๆ

ทำตราปั๊มเสร็จแล้ว เราต้องรอมันเสร็จ 1 ชั่วโมง คนอื่นเค้าชอปปิ้งรอ แต่เราไม่มีไรที่อยากซื้อเลยฝากเค้ารับตราปั้ม แล้วเรานั่งรถไฟฟ้ากลับไปลงสถานี Taipei Main Station เพราะอยากไป Nova Mall ที่เค้าบอกว่าเป็นแหล่งขาย mp3 ไอ้เราก็หวังจะซื้อ CD ที่มี Mp3เพลงจีนกลับไปฟังที่บ้าน แต่ปรากฏมานเป็นแหล่งขาย MP3 Player แทน เหอๆ เซ็งเรย กลับที่พักดีก่า ระหว่างทางเดินผ่านป้าย Taiwan Story Land โดยบังเอิญ เลยเดินลงไปชั้นใต้ดินแล้วจ่ายเงิน 100 NTD เข้าไปชมสักหน่อย

ที่ Taiwan Story Land นี่เล็กๆ เค้าก็ทำเป็นเมืองขนาดเล็กๆ มีร้านค้าต่างๆ ซึ่งแต่ละร้านนี่จะตกแต่งไว้แบบเก่าๆ เหมือนที่มีในตลาดโบราณ ที่เมืองโบราณบ้านเรา เดินแปรบเดียวก็หมดแล้วอ่ะ มันเล็ก แล้วก็ร้านข้างในส่วนใหญ่ที่ขายของกินก็ปิดหมดแล้วด้วย

จบจากที่นี่เราก็ตรงดิ่งกลับที่พักอ่ะ เพราะมันหมดแรงแล้ว ไปนอนดีผ่า