02 เมษายน 2549

วันที่ 2 - ลงทะเบียน

Today's Programme

MorningRegister
AfternoonGroup recreational activities
EveningTo organize into group
HotelTaoyuan Training Center, TaoYuan

ตอนเช้าวันนี้เค้าให้ตั้งแถวเป็นตุ้ยแล้วพาทั้งหมดเข้าโรงยิม (แต่เค้าเรียกว่า Auditorium เรียกซะหรูเชียว) เข้าโรงยิมไปแล้วเค้าให้คนตุ้ย1 ที่มีเลขที่ต้นๆ ตั้งแถวขึ้นไปตรวจเช็คข้อมูลตัวเอง แล้วเซ็นชื่อลงทะเบียน รวมทั้งถ่ายรูปทำบัตร ส่วนคนที่อยู่ตุ้ยอื่นๆก็เข้าตุ้ยตัวเองแร้วก็รวมหัวกันออกแบบธงประจำกลุ่ม ชื่อกลุ่ม สโลแกกลุ่ม ท่าบูมตุ้ย กลุ่มเราตั้งชื่อว่า "เสี่ยวโก่ว" แปลว่าหมาน้อย เพราะปีนี้เป็นปีหมา ส่วนสโลแกนก็ "โอเค ม๊ะ?" ส่วนบูมตุ้ยอ่ะ เน้นที่ทำเสียงเห่าเหมือนหมาไต้หวัน หมาไต้หวันมันเห่าว่า "ว่าง ว่าง" ธงเราสวยสุดด้วยขอบอก

พอถึงคิวที่เราต้องไปลงทะเบียน เค้าให้ซองเอกสารมาคนละซอง (ข้างในมีบัตรประจำตัวที่มีแต่ชื่อจีน ชื่ออังกฤษ และหมายเลขประจำตัว แต่ไม่มีรูป แล้วก็มีใบเอกสารที่ต้องกรอก ใบยินยอมไรสักอย่างลืมแร้ว แร้วก็แบบสอบถาม ปากกา1ด้าม แผนที่ทางหลวงไต้หวัน แล้วก็คู่มือเล่มเล็กที่บอกรายละเอียดโปรแกรมทั้ง21วันของเรา) จากนั้นเราก็ไปตรวจเช็ครายละเอียดประวัติตัวเอง หลังจากนั้นก็ไปถ่ายรูปทำบัตร โอ้ยถ่ายกันหนุกหนานอยากได้ท่าไรก็ทำตามสบาย เค้าให้ถ่ายกันคนละ 2 แอ๊ค บอกว่าเลือกได้ (แมร่งนึกว่าเลือกเองได้ ปรากฏ คนถ่ายเลือกให้เองเสร็จเรย รูปที่ตรูอยากได้ ไม่ให้ตรูมา)

ตอนบ่ายตามโปรแกรมเดิมมันเป็นไรไม่รู้อ่ะ แต่พวกตุ้ยจ่างคงอยากชอป(มั๊ง) เลยไปต่อรองฝูเต่าหยวนให้พาพวกเราไปชอป เมืองที่ใกล้ที่สุดคือเมืองจงลี่ ซึ่งห่างจากที่ๆเราอยู่ไปเกินครึ่งชั่วโมงแน่นอน หม่ำข้าวเสร็จเราก็ไปรอขึ้นรถออกจากสถานกักกัน เดินทางไปจงลี่ ระหว่างทางที่เราผ่าน เราจะเห็นนางงามตู้กระจก เสื้อผ้าน้อยชิ้น ชิ้นล่างนุ่งสั้นนั่งไขว่ห้างอยู่ในห้องกระจกเล็กๆ ซึ่งเราสงสัยว่ามานนั่งทำไรกานวะ ปรากฏว่ามารู้ทีหลังว่าเจ๊ๆพวกนั้นเค้าเรียกว่า "ปิงหลานซู่" (แปลว่าสาวขายหมาก) พวกสาวนี้เรียกว่า "ล่าเม่ย" (แปลว่า ร้อนแรง) ก็ได้ สาวพวกนี้จะเน้นขายหมากที่พวกคนขับรถแป๊ะแก่ๆเค้าชอบเคี้ยว เค้าว่ากันว่าสาวๆพวกนี้ขายทุกอย่างในร้าน (เน้นว่าทุกอย่าง รวมทั้งของที่ติดตัวมาแต่เกิด) เราใช้เวลาเดินทางนาน แต่คุ้มๆๆๆๆ เพราะขนาดเป็นเมืองเล็กๆ แต่แหล่งชอปปิ้งยังใหญ่กว่าสยามบ้านเรา

ที่เมืองนี้นี่แรงงานไทยเยอะมากๆ แค่เอารถมาจอดก็เห็นป้ายร้านขายของไทยๆ เดินจนเมื่อยหาข้าวกินเอง ซี๊ซั๊วเข้าไปกินร้านขายก๋วยเตี๋ยวเส้นเท่าเส้นอุด้ง จืดสนิท แต่คนขายพูดไทยได้ด้วยฟร่ะ ชัดเจน แต่ไม่ค่อยอยากจะพูดเท่าไหร่ เหอๆ ที่นี่เราหาซื้อการ์ดโทรศัพท์เพื่อโทรกลับบ้านได้ถูกสุดๆ ถูกที่สุดในไต้หวัน ให้ตายเถอะจอร์จ เป็นการ์ดที่คุ้ม โทรได้นาน สัญญาโอเคและถูก คนขายเป็นคนไทย พูดไทยชัดแจ๋ว แกโทรถามราคาให้อีกต่างหากว่าไอ้การ์ดนี้ใช้ได้นานแค่ไหน (อยู่ใกล้สถานีรถไฟจงลี่ ออกจากสถานีข้ามถนนไป อยู่ด้านซ้าย ถ้าใครจะไปก็ไปหาซื้อซะร่ะ) ระหว่างซื้อการ์ดก็เจอแรงงานไทยมาซื้อร้านนี้เหมือนกานเรย แต่เค้ารีบหนีง่ะ ไม่อยากสนทนากะเรา เหอๆ

เดินๆทะลุเข้าทางเดินใต้ดินด้านข้างๆของสถานีรถไฟ จะไปทะลุออกด้านหลังสถานี (ทะลุผ่านทางตัวตึกไม่ได้ง่ะ ต้องมุดดิน)ด้านน้านโรงแรมบานเรย น่าจะเป็นโรงแรมอย่างว่านะ รู้สึก แต่ไม่ใช่แหล่งที่ควรจะไปเดินตอนมืดๆเท่าไหร่อ่ะ เราเลยเดินทะลุทางเดินใต้ดินกลับมา เดินดูของในทางน้าน โห แม่เจ้า มานถูกอย่างรุนแรงอีกแร้ว ที่จงลี่นี่ดีมากๆๆๆๆๆๆ มีแต่ของถูกๆๆๆๆๆ

ซื้อของเสร็จเรารีบวิ่งกลับมาจุดนัดพบ ตุ้ยเราไปรวมคนได้ตรงเวลา และเดินไปถึงที่รถไปรอรถได้ทัน ตุ้ยคนอื่นยังมากันไม่ครบแต่ทุกคนต้องขึ้นรถแล้ว รถตุ้ยอื่นออกไปโดยที่ไม่รอใคร เพราะมันรอไม่ได้ (เค้าเตือนแร้วนะว่ารถไม่รอ) คนพวกน้านตกรถไป แต่โชคดีที่รถเราที่จอดเข้าซองไป ออกช้ากว่าใครเพื่อนเพราะมีรถอื่นมาจอดขวาง พวกที่มาสายเลยต้องขึ้นมาอายบนรถเรา ซวยเรย

คืนนี้เรากลับกันมาถึงสถานกักกัน ก็ต้องประชุมเรื่องการแสดง แต่ว่าไม่ค่อยไปถึงไหน ตกลงไรไม่ค่อยได้ เหอๆ